มกราคม 17, 2020 16615 hidden การปลูกผักสลัดในปัจจุบัน ถือได้ว่ากำลังเป็นที่นิยมเป็นอย่างสูง เนื่องจากผู้คนเริ่มหันมาใส่ใจดูแลตัวเองกันมากขึ้น และเริ่มทานผักสลัดที่จะช่วยบำรุงร่างกาย รวมถึงผัดสลัดที่ปลอดสารพิษ สารเคมี ก็เป็นที่นิยมเช่นกัน แต่หากไม่มีสารเคมีที่จะไปช่วยปกป้องเชื้อโรค ที่จะเข้ามาทำร้ายผักสลัดเหล่านั้น ก็อาจจะทำให้ผักเกิดโรค และขายไม่ได้ราคาเท่าที่ควร วันนี้ sv group จึงอยากพาไปดูโรคของผักสลัด และวิธีป้องกัน ตามไปดูกันเลย 1. โรคใบจุด เป็นโรคที่มักเกิดขึ้นกับผักประเภทกินใบ อย่างกระหล่ำ ผักกาดต่างๆ บร็อคโคลี เป็นต้น ใบของผักจะมีจุดสีเหลือง หรือสีน้ำตาลเป็นจุดเล็กๆ และเริ่มขยายขนาดกว้างขึ้น ส่งผลให้พืชผลเจริญเติบโตได้ไม่เต็มที่ และสามารถแพร่เชื้อระบาดไปยังแปลงผักอื่นๆได้ วิธีแก้ไข: ใช้ผลิตภัณฑ์ ไตรโคฟูลาร์ และ ผลิตภัณฑ์ ราแบคฟูลาร์ รวมถึงการจัดการระบบการปลูกและโรงเรือนให้สะอาด ปราศจากเชื้อ 2. โรครากเน่า เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อรา ผักสลัดที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคนี้คือผักกรีนโอ๊ค เบบี้คอส ผักกาดหอม มะเขือเทศ เป็นต้น มักเกิดขึ้นมากในช่วงฤดูฝน หรือในกรณีที่ปลูกผักสลัดแบบการปลูกบนดิน แล้วมีระบบจัดการระบายน้ำได้ไม่ดี มีน้ำท่วมขัง ส่งผลให้เกิดเชื้อรา โดยการแพร่ระบาดของโรคนี้เป็นไปได้ง่าย วิธีแก้ไข: จัดการระบบระบายน้ำให้ดี ควรแบ่งทางเดินระบายน้ำให้ถี่ขึ้น เพื่อป้องกันการระบาดของโรค และใช้ผลิตภัณฑ์ ไตรโคฟูลาร์, ราแบคฟูลาร์ หรือ ฮิวมิคผสมไตรโคเดอร์ มา เพื่อฟื้นฟูราก ลดเชื้อรา และกระตุ้นให้ระบบรากกลับมาเเข็งแรง 3.
เมษายน 8, 2020 10514 hidden แอนแทรคโนสคืออะไร? โรคนี้ถือเป็นโรคหนึ่งที่สร้างความเสียหายให้กับพืชผลทางการเกษตร ทั้งด้านคุณภาพของพืช และลดปริมาณของพืชอย่างมหาศาล ซึ่งนักเกษตรกรควรทราบถึงข้อมูลของโรคนี้เอาไว้และทราบถึงวิธีป้องกันและแก้ไขโรคให้ได้อย่างตรงจุด ซึ่งวันนี้เราได้นำความรู้ของโรคแอนแทรกโนส มาฝากกัน แอนแทรคโนสคืออะไร? แอนแทรคโนส เป็นโรคที่เกิดจาก เชื้อรา Colletotrichum spp. สามารถระบาดได้ในอุณหภูมิที่สูง และมีความชื้นสูง โดยสามารถเข้าทำลายได้ทั้งแบบแฝง ซึ่งจะไม่แสดงอาการของโรคใดๆให้เห็นในช่วงที่ผลผลิตยังอยู่ในขั้นผลอ่อน หรือระยะดอก และจะแสดงอาการรุนแรงออกมาอีกครั้งในช่วงที่ผลผลิตเริ่มสุก ซึ่งเชื้อนี้จะแพร่กระจายได้ทั้งทางฝน ลม หรือเหล่าแมลงที่เข้ามาเกาะที่แผล และทำให้เชื้อติดไปกับตัวเเมลง และเกิดการแพร่ระบาดได้มากขึ้น แอนแทรคโนสโนสทำลายพืชชนิดใดได้บ้าง?
หลังจากใช้ราแบคเทคแล้ว ควรงดใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชทุกชนิด 2. ไม่ควรฉีดผสมกับจุลินทรีย์บิวเวอร์เรีย และเมตาไรเซียม ควรฉีดสลับกันทุก 7-10 วัน 3. ฉีดพ่นต้นพืชให้เปียกโชกทั้งต้น เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดควรฉีดพ่นเมื่อแดดร่ม ในช่วงเย็น ฝนไม่ตก 4. ฉีดพ่นต้นพืชให้เปียกโชกทั้งต้น เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดควรฉีดพ่นเมื่อแดดร่ม ในช่วงเย็น ฝนไม่ตก เก็บในภาชนะเดิม โดยเก็บไว้ในที่ร่ม อุณหภูมิปกติ ไม่ให้ถูกความชื้นและแสงแดด สามารถเก็บไว้ได้นานประมาณ 1 ปี ปริมาณสุทธิ 500 กรัม (ซอง 25 กรัม จำนวน 20 ซอง) วิธีการใช้ ใช้ได้กับพืชทุกชนิด รูปแบบการใช้ ผสมน้ำฉีดพ่นทางใบ 1 ซองเล็ก (25 กรัม)/น้ำ 20 ลิตร 1. เตรียมน้ำใส่ในถังฉีด 2. นำซอง (ไม่ต้องฉีกซอง) ใส่ลงในถังฉีด กวนถังฉีดอย่างน้อย 10 นาที เพื่อให้กระจายทั่วในน้ำ 3. นำไปฉีดพ่นทางใบในช่วงเย็น ที่มีแสงแดดอ่อน วิธี แช่เมล็ดพันธุ์และท่อนพันธุ์ 1 ซองเล็ก (25 กรัม)/น้ำ 20 ลิตร 1. นำซอง (ไม่ต้องฉีกซอง) ใส่ลงในถังหรือกะละมัง กวนอย่างน้อย 10 นาที เพื่อให้กระจายทั่วในน้ำ 2. นำเมล็ดพันธุ์หรือท่อนพันธุ์ลงแช่ 1 ชม. ก่อนนำไปปลูก จดหมายข่าว
สำรวจแปลงปลูกพืชผักอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง 2. เลือกปลูกพันธุ์ที่มีความต้านทานต่อโรคราน้ำค้าง 3. คลุกเมล็ดพันธุ์ปลูกด้วย ไตรโคฟูลาร์ หรือ เชื้อราแบคฟูลาร์ หรือแช่เมล็ดด้วยน้ำอุ่นอุณหภูมิ 50 เซนติเมตร นาน 20-30 นาที 4. หลีกเลี่ยงการนำต้นพืชที่เป็นโรคเข้าไปยังแปลงปลูก 5. เมื่อเริ่มพบอาการของโรคให้พ่นด้วย เชื้อไตรโคฟูลาร์ อัตรา 500-100 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ พ่นราแบคฟูลาร์ (ชนิดผง) 50-100 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร ถ้าเป็น ราแบคฟูลาร์ (ชนิดน้ำ) 80-100 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทุกๆ 5-6 วันครั้ง ในช่วงเย็นแดดอ่อน หลังจากการเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้วควรเก็บซากพืช หรือวัชพืชออกจากแปลงให้หมดเพื่อป้องกันการสะสมของเชื้อโรคไปเผาทำลาย ขอขอบคุณที่มา: กรมส่งเสริมการเกษตร บทความที่เกี่ยวข้อง
ราแบคเทค ชนิดผง (Rabactech powder) 500 g ช่วยควบคุมหรือยับยั้งการเกิดโรคพืชที่มีสาเหตุจากเชื้อราและแบคทีเรีย และช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืชได้ เป็นคนแรกที่วิจารณ์สินค้านี้ ฿390.
หลีกเลี่ยง การปลูกพืชลงในดินแปลงเก่าที่เคยมีโรคระบาดหรือใกล้กับแปลงที่มีการปลูกมันฝรั่งและมะเขือเทศอยู่ก่อนแล้ว ไม่ควรปลูกมะเขือเทศในช่วงปลายฤดูฝนต่อฤดูหนาว เพราะเป็นฤดูที่เหมาะต่อการเกิดและระบาดของโรค และรักษาแปลงปลูกให้สะอาดอยู่เสมอ 2. ใช้ ราแบคฟูลาร์ ในอัตราส่วน 50 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นให้ทั่วทั้งต้น ที่มา: กรมวิชาการเกษตร และ ศูนย์วิจัยเอสวีกรุ๊ป