1 บัตรเครดิต SCB My Travel ทุก 17 บาทแลกเป็นไมล์ ROP ได้ 1 ไมล์ ถือว่าเป็นอัตราที่ค่อนข้างดีเลยทีเดียว ตอนแรกเราก็อยากจะทำเพิ่ม แต่คิดไปคิดมาไม่ทำดีกว่าเพราะนอกจากสะสมไมล์แล้ว เลานจ์ก็ไม่มีให้ ของกินฟรีก็ไม่ค่อยมี ก็เลยยังไม่ทำ แต่ถ้าใครที่เน้นสะสมไมล์อย่างเดียว บัตรนี้น่าจะเป็นตัวเลือกต้นๆเลย 2. 2 บัตรเครดิต UOB Privimiles ครบทุกๆ 15 บาท ได้ 1. 2 คะแนน แลกรับ 1 ไมล์สะสม (เท่า 18 บาท = 1 ไมล์สะสม) สิทธิพิเศษในการแลกคะแนนสะสมเป็นไมล์สะสมในอัตรา 1:1 เมื่อใช้จ่ายสะสมผ่านบัตรฯ ตั้งแต่ 300, 000 บาทขึ้นไป ต่อไตรมาส ตามปีปฏิทิน ซึ่งเราว่าบัตรใบนี้ค่อนข้างจุกจิก ตรงเรื่องการคิดคะแนน และต้องใช้จ่ายต่อเดือนสูงเกินไป หนำซ้ำ Call center ก็ยังติดต่อยาก ข้อดีที่เห็นของคนอื่นที่ถือกันก็คือ จะชอบมีโปรโมชั่นพิเศษที่ได้แต้มเพิ่มเป็นบางช่วง แล้วก็จะมีได้คูปองเข้า Lounge ROP เมื่อบินกับการบินไทย 2 ครั้งต่อปี
บัตรเครดิตทุกใบในโลกจะมีสิทธิประโยชน์จากการใช้จ่ายมากมาย หลากหลายรูปแบบ ซึ่งธนาคารผู้ออกบัตรต่าง ๆ ก็จะคิดค้นและสรรหาวิธีการใหม่ ๆ มานำเสนอ เพื่อให้เราหยิบบัตรขึ้นมาใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตให้มากที่สุด โดยสิทธิประโยชน์ที่บัตรเครดิตให้นั้นจะมีหลัก ๆ อยู่ 3 รูปแบบ ก่อนที่จะไปหาคำตอบว่าแบบไหนดีที่สุด เรามาลองดูกันก่อนว่าแบบไหนให้อะไร เท่าไร และอย่างไรบ้าง 1. แบบรับเงินคืนในทุกการใช้จ่าย (Cash Back) สายนี้จะตรงไปตรงมาที่สุด คิดง่าย ไม่ซับซ้อน ก็คือรับเงินคืน 1–1. 5% ทุกครั้งที่หยิบบัตรขึ้นมารูด ซึ่งแต่ละค่ายก็มักจะมีการกำหนดยอดเงินคืนสูงสุดต่อเดือน เช่น คืนเงิน 1% สูงสุด 2, 000 บาทต่อเดือน ก็เท่ากับว่าส่วนที่ใช้จ่ายเกิน 200, 000 บาทขึ้นไปในเดือนนั้นก็จะไม่ได้รับเงินคืนแล้ว บางธนาคารก็จะมีโปรพิเศษเพิ่มเติมในเดือนเกิด กับร้านค้า ปั๊มน้ำมัน หรือในหมวดการใช้จ่ายที่กำหนด มีตั้งแต่ 3–15% แน่นอนว่ามีการจำกัดจำนวนเงินคืนสูงสุดในส่วนนี้โดยเฉพาะเช่นกัน บัตรเครดิต Cash Back ที่น่าสนใจ Krungsri First Choice / TMB So Smart / Citibank Cash Back / SCB Family Plus / UOB YOLO 2. แบบรับคะแนนสะสมในทุกการใช้จ่าย (Rewards) เริ่มที่แบบเบสิกที่สุด คือทุกการรูด 25 บาทจะได้รับ 1 คะแนน และเมื่อสะสมครบ 1, 000 คะแนนจะมีมูลค่า 100 บาท สรุปออกมาคือใช้จ่ายผ่านบัตร 25, 000 บาทจะได้รับ 100 บาท ผลประโยชน์เท่ากับ 0.
63 ที่มา: ขอบคุณข้อมูลจาก: ภาพประกอบจาก: ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลง โปรดตรวจสอบกับผู้ให้บริการบัตรเครดิตทุกครั้งก่อนตัดสินใจ
1 บัตร BBL Airasia โดยที่อาจจะใช้เวลาสมัครนานหน่อย เพราะธนาคารนี้ค่อนข้างได้ชื่อว่าอนุมัติบัตรช้า อย่างเราตอนนั้นสมัครใช้เวลาเป็นเดือนเลย แต่พอได้มาแล้วก็คุ้มค่าทีเดียว เพราะได้มาพร้อมกับบัตรโหลดกระเป๋า 4 ใบต่อปี (ใช้ได้เฉพาะขาไปเท่านั้นทั้ง FD หรือ XJ) คือถ้าใครบินแอร์เอเชียบ่อยๆ แค่บัตรโหลดกระเป๋าก็คุ้มแล้ว แถมยังได้สิทธิ์ Xpress Check in ที่เคาน์เตอร์พิเศษ แล้วก็ได้ขึ้นเครื่องก่อนและรับกระเป๋าก่อน พอขึ้นเครื่องก็ได้น้ำฟรี (มูลค่า 60 บาท) คือแบบว่าเรียกว่าเป็นบัตรเบ่ง Low cost ที่แท้จริงเลย 1. 2 บัตร JCB ของค่ายไหนก็ได้ แต่ของเรามีของ KTC ใบนี้เป็นใบที่มีไว้ใช้เป็นส่วนลด อาจจะไม่ใช่บัตรหลักในการรูด เนื่องจากแต้มที่ได้ไม่ค่อยคุ้มเท่าไหร่ เรียกว่าเหมาะเป็นบัตรลดราคาร้านอาหารต่างๆที่เกี่ยวกับญี่ปุ่น พร้อมทั้งเป็นบัตรได้นั่งเลานจ์กิน ดื่มฟรี โดยสามารถใช้ห้องรับรองในสนามบินได้ฟรีที่ฮ่องกง สิงคโปร์ และเกาหลี จำนวน 2 ครั้งต่อบัตรหนึ่งใบในระยะเวลา 1 ปีปฎิทิน แล้วก็ญี่ปุ่นสามารถเข้าได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง แถมค่าธรรมเนียมยังฟรีอีก สมัครไว้ไม่เสียหลาย ลองดูรีวิวเข้าเลานจ์ฟรีที่สิงคโปร์ได้ตามนี้นะจ้ะ Lounge สิงคโปร์ ฟรีด้วยบัตร JCB 1.
แบบรับเป็นไมล์สะสมในทุกการใช้จ่าย (Miles Awards) เหมาะสำหรับคนที่ชอบท่องเที่ยวและเดินทางบ่อย ๆ ถ้ามาทางนี้บัตรส่วนใหญ่จะผูกกับไมล์ของการบินไทย (ROP) ซึ่งกูรูส่วนใหญ่ก็จะแนะนำให้นำไปแลกเป็นตั๋วระดับชั้นธุรกิจขึ้นไป เพราะใช้ไมล์เพิ่มอีกไม่ถึงเท่าตัว แต่จะได้ตั๋วชั้นธุรกิจที่มักจะมีราคาแพงกว่าตั๋วชั้นประหยัดเกินเท่าตัว มันจึงดูคุ้มค่าและมีมูลค่ามากยิ่งขึ้น ส่วนอัตราการสะสมไมล์ก็มีตั้งแต่ 12. 50–20 บาท/ไมล์ มีการคำนวณในตลาดขายไมล์การบินไทยว่าอยู่ที่ประมาณไมล์ละ 0. 40 บาท ถ้าเอาราคานี้ตั้งแล้วคิดผลประโยชน์จากบัตรที่ดีที่สุด ณ วันที่เขียนบทความนี้ ที่ 12. 50 บาท/ไมล์ ก็จะเท่ากับ 3. 20% นับว่าสูงมาก ๆ เลยทีเดียว และเป็นแบบที่สูงกว่าการสะสมสิทธิประโยชน์แบบอื่นๆ ด้านบนทั้งหมด บัตรเครดิตสะสมไมล์ที่น่าสนใจ (ทั้งสะสมคะแนนแล้วแลกเป็นไมล์ และสะสมไมล์โดยตรง) TMB Absolute / SCB My Travel / UOB Privimiles / Citi ROP Select
00 น.
4% อาจจะฟังดูน้อยมาก แต่ก็ยังดีกว่าการใช้เงินสดที่ไม่ได้อะไรคืนมาเลยสักเปอร์เซ็นต์เดียว พอฟังดูน้อย ทางธนาคารเลยจัดโปรโมชันพิเศษขึ้นมาในบางโอกาส ที่จะช่วยให้ 1, 000 คะแนนแลกได้มากกว่า 100 บาท หรือให้ส่วนลดมากกว่า 10% เมื่อใช้คะแนนแลกเท่ายอดซื้อ เช่น รับส่วนลด 15% เมื่อใช้คะแนนแลกเท่ายอดซื้อ (ผลประโยชน์ขยับขึ้นมาที่ 0. 6%) และธนาคารก็คงรู้อีกว่าผู้ถือบัตรหลายคนยังไม่พอใจเท่าไร เมื่อเทียบกับบัตรเครดิตสาย Cash Back เลยเริ่มปรับระบบการให้คะแนนให้ดีขึ้น เช่น • ทุก 20 บาทรับ 1 คะแนน (ผลประโยชน์ = 0. 5%) • ทุก 25 บาทรับ 2 คะแนน (ผลประโยชน์ = 0. 8%) ซึ่งแบบนี้จะเท่ากับ 25 บาทรับ 1 คะแนน แต่ใช้ 1, 000 คะแนนแลกเท่ายอดซื้อเพื่อรับส่วนลด 20% (หนึ่งปีอาจจะมีสักหน) • ทุก 25 บาทรับ 4 คะแนน เมื่อใช้จ่ายในหมวดที่กำหนด (ผลประโยชน์สูงถึง 1.